สายเลือดมวยไทยแรงกล้า “บังมาด”สามารถ มะลูลีม ที่ปรึกษาคณะทำงานด้านการเมือง ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำคู่มือคู่มือการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด นำเสนอไปยัง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) เพื่อนำเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ ประธานศบค. เพื่อให้มวยไทยกลับมาแข่งขันได้อีกครั้งภายใต้มาตรการเข้มงวด 17ข้อ

“บังมาด” นายสามารถ มะลูลีม ที่ปรึกษาคณะทำงานด้านการเมือง ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายชวน หลีกภัย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทย ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม รวมไปถึงวงการกีฬา โดยเฉพาะกีฬามวยไทย ซึ่งเป็นศิลปะประจำชาติไทยมาแต่โบราณ สนามแข่งขันชกมวยไทยถูกสั่งปิดตามคำสั่งของ ศบค. ทำให้นักมวยไทยทั่วประเทศ รวมถึง เทรนเนอร์ เจ้าหน้าที่สนามมวย ค่ายมวยต่าง ๆ และกลุ่มผู้ที่ค้าขายอยู่หน้าสนามมวย หลายหมื่นคน ต่างได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เนื่องจากขาดรายได้มาเลี้ยงชีพ และครอบครัว

ตนเองในฐานะเป็นปรึกษาด้านกีฬามวยของ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย, อดีตรองประธานคณะกรรมาธิการท่องเที่ยวและกีฬา สภาผู้แทนราษฎร, อดีตประธานสหพันธ์มวยไทยอาชีพโลก และประธานที่ปรึกษาค่ายมวยลูกคลองตัน ได้จัดทำคู่มือมาตรการจัดแข่งขันมวยไทย ในรูปแบบชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ซึ่งเป็นคู่มือการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด นำเสนอไปยัง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) เพื่อพิจารณา พร้อมทั้งทำหนังสือขอความอนุเคราะห์ให้กีฬามวยไทย กลับมาแข่งขันได้อีกครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นการช่วยเหลือบุคคลในวงการมวยไทยที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก

“การยื่นหนังสือและคู่มือจัดการแข่งขันมวยไทยไปยัง ศปก.ศบค. ผมได้ยื่นกับ ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล  หลังจากนี้ ดร.รัชดา จะนำเสนอผ่านไปยัง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และประธาน ศบค. ชุดใหญ่ เพื่อให้พิจารณาในเบื้องต้น” นายสามารถ กล่าว

สำหรับคู่มือมาตรการจัดแข่งขันมวยไทย ในรูปแบบชีวิตวิถีใหม่  มีทั้งหมด 17 ข้อ ดังนี้ 1.มีการจำกัดจำนวนผู้เข้าสนามมวยได้ไม่เกิน 50 คน โดยมีการเว้นระยะห่าง และการชกแต่ละคู่ จะจำกัดจำนวนผู้ที่อยู่ในสนามมวยไม่เกิน 20 คน, 2.นักมวย เทรนเนอร์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคน ต้องได้รับวัคซีนครบโด๊ส ตามจำนวนที่กำหนดไว้ พร้อมนำหลักฐานมาแสดงก่อนเข้าสู่พื้นที่, 3.ผู้ที่จะเข้ามาในบริเวณสนามแข่งขันฯ นับตั้งแต่นักมวย เทรนเนอร์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคน จะต้องตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยวิธีการ Antigen Test ที่มีผลเป็น “Negative” (ผลตรวจต้องภายใน 1 ชั่วโมงก่อนแข่งขัน), 4.นักมวย เทรนเนอร์ และเจ้าหน้าที่ ต้องทำประกันอุบัติเหตุ รวมทั้งประกันโควิด-19 ทุกคน, 5.นักกีฬาและเจ้าหน้าที่จะต้องรายงานบันทึกการเดินทาง (Timeline) ล่วงหน้าก่อนการแข่งขัน 14 วัน

6.นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องสแกน QR Code ลงทะเบียน “หมอชนะ” ก่อนเข้าสนามทุกครั้ง, 7.นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องสแกน QR Code “ไทยชนะ” เพื่อเช็กอิน, 8.ตรวจวัดอุณหภูมิ และพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่อุปกรณ์ทุกชิ้น โดยเฉพาะนวมที่ใช้สวมขึ้นชกบนเวที, 9.นักมวย เทรนเนอร์ และเจ้าหน้าที่ นั่งประจำที่ของตัวเองโดยเว้นระยะห่าง, 10.การอบอุ่นร่างกาย ให้นักมวยใช้พื้นที่ที่จัดไว้ให้ โดยคำนึงถึงการเว้นระยะห่าง (Social Distancing) อย่างเคร่งครัด, 11.เมื่อแข่งขันเสร็จแล้วให้กลับบ้านหรือที่พักทันที

.นักมวย เทรนเนอร์ และเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องสแกน QR Code “ไทยชนะ” เพื่อเช็กเอาต์ ก่อนออกจากสนาม, 13.ไม่อนุญาตให้มีผู้ชมในสนาม แต่จะให้ชมการแข่งขันผ่านการถ่ายทอดสดเท่านั้น 14.กำหนดอัตราส่วนนักกีฬากับเจ้าหน้าที่ โดยนักมวย 1 คน จะมีเจ้าหน้าที่ได้ไม่เกิน 2 คน กรณีที่มีนักมวยในสังกัดหลายคน นายสนามมวยจะเป็นผู้พิจารณาอนุมัติ, 15.นักมวยและเจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการหลัก 5 ข้อ ของ ศบค. อย่างเคร่งครัด คือ สวมหน้ากากอนามัย, ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์, เว้นระยะห่าง, หลีกเลี่ยงการสัมผัส และจำกัดจำนวนคน

16.นักมวยและเจ้าหน้าที่ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เพราะถือเป็นความผิดกรณีไม่สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่นอกเคหสถานหรือสถานที่พำนัก หรือพื้นที่สาธารณะ ยกเว้นขณะแข่งขันและอบอุ่นร่างกาย, 17.หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรการ จะพิจารณาลงโทษไม่ให้ขึ้นชก และให้กลับบ้านทันที