อั๋น….ไม่อั้น…ร้องสอบกรรมการยกชุด

                         ชูสวน..เบิกบาน  โจนูโว ?

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2563  นายชวลิต ญาณจรูญ ฉายา อั๋น สุขุมวิท ในนามหัวหน้าคณะค่ายนักมวยว่า     “ค่ายมวยอั๋น  สุขุมวิท”   ได้วิ่งโร่ ร้องขอความเป็นธรรมเพื่อให้สอบสวนการทำหน้าที่ตัดสินของกรรมการ รวม 5 คน (ผมขอสงวนนามเพื่อความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย) ซึ่งกรรมการชุดนี้เป็นกรรมการชุดที่เคยทำหน้าที่เวทีราชดำเนินมาก่อน  แต่ปัจจุบันได้ลาออกและรวมตัวกันตั้งเป็นทีมรวมกรรมการตัดสินอิสระ และตัดสินในรายการมวยของโปรโมเตอร์  “เชฟ” ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้   คุณอั๋น ได้ทำหนังสือขึ้น 2 ฉบับ เนื้อหาเหมือนกัน ไปยื่นที่อาคาร ของการกีฬาแห่งประเทศไทย หัวหมาก ฉบับแรก ยื่นต่อ   นายสมชาติ เจริญวัชรวิทย์  นายกสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย และในฐานะคณะกรรมการกีฬามวย (บอร์ดมวย) ด้วย โดยยื่น สนง.สมาคมชั้น 21 แล้วลงมายื่นชั้น 7  ฉบับสอง ต่อ  นายปรเมษฐ์ ภักดีคิรีไพวัลย์      ผู้อำนวยการสำนักงานกีฬามวย อีกฉบับ เนื้อหาในหนังสือนั้น ท่านนายกฯสมชาติได้ส่งให้ผมช่วยตรวจสอบเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทั้ง 2 ฝ่าย ใครถูกผิดอย่าเพิ่งด่วนสรุป    ให้มีการเรียกเพื่อตรวจสอบผู้ถูกกล่าวหา และสืบพยานแวดล้อมรอบด้านประกอบด้วย ก่อนตัดสินพิจารณา  โดยเนื้อหาในหนังสือได้กล่าวถึงข้อเท็จจริง และรายละเอียด ขอสรุปดังนี้

คุณอั๋น เล่าเรื่องว่า  ผมส่งนักมวยชื่อว่า เบิกบาน อั๋นสุขุมวิท ฝ่ายน้ำเงิน หรือในนามผู้สนับสนุน “โจ นูโว” เพื่อไปชกในรายการ   ศึก ส.สมหมายสัญจร   ของโปรโมเตอร์ สมหมาย สกุลเมตตา เมื่อวันที่   17 พฤศจิกายน 2563  ณ สนามมวยเวทีชั่วคราว หน้าห้างเซ็นทรัล โคราช    จังหวัดนครราชสีมา แต่คุณอั๋น ย้ำว่างานนี้ไม่เกี่ยวข้องกับโปรโมเตอร์ คุณสมหมายแต่อย่างใด เพราะคุณสมหมายจัดมวยในวันนั้นเพื่อเปิดโอกาสให้นักมวยมีรายการชก และให้คนต่างจังหวัดโดยเฉพาะพี่น้องชาวโคราช ได้รับชม ที่สำคัญดูฟรีอีกด้วย ซึ่งต้องยกย่องจิตศรัทธาในครั้งนี้ แต่ได้ใช้กรรมการการที่ผมขอร้องเรียนรวม 5 คน ซึ่งมีหัวหน้ากรรมการ ธ. เป็นหัวหน้าชุด   วันนั้นตามรายการ เบิกบานจะต้องชกทำการแข่งขันในรายการเป็นคู่ที่ 7 กับ ตีโต้ หอยหวานโภชนา  ฝ่ายแดง และก่อนชก     มีนักร้องและดาราชื่อดังที่ให้การสนับสนุน คือ จอน นูโว ตามไปให้กำลังใจ และถอดมงคลให้ด้วย   แต่ผลการชกปรากฏว่า   กรรมการให้คะแนน และ กรรมการผู้ตัดสินบนเวที ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ตัดสินโดยไม่ชอบ และเที่ยงธรรม และที่สุดให้คะแนน ตีโต้ฯ เป็นฝ่ายชนะคะแนน  ซึ่งค้านสายตากับผู้ชมภายใสนาม และชมการถ่ายทอดสดทางบ้าน  รวมทั้ง    ผม ในฐานะหัวหน้าค่ายที่เห็นว่าน่าจะมีการล็อกกำหนดผลการแข่งขันไว้ ทำให้ราคาต่อรองมิได้เป็นไปโดยธรรมชาติ    ทั้งที่ เบิกบานฯ เป็นนักมวยเดินขยันออกอาวุธตลอด และออกอาวุธ ได้จะแจ้งกว่า แต่มีการส่งราคาให้ฝ่ายตรงข้าม  อีกทั้งกรรมการผู้ห้ามบนเวที คือ กรรมการ จ. ตัวบนก็ห้ามมวยเพื่อให้คู่แข่งขันฝ่ายแดงได้เปรียบตลอดเวลา ซึ่งรายละเอียดในเรื่องนี้  สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงกับผู้ชมได้   การตัดสินนั้นชนะ หรือ แพ้ ข้าฯ หัวหน้าค่ายยอมรับได้หากเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม    แต่ในการชกวันนั้น กรรมการทั้งหมดที่ทำหน้าที่ให้คะแนน และห้ามบนเวที ร่วมกันแบบจงใจให้กำหนดผู้ชนะไว้ โดยไม่ให้ความเป็นธรรมแก่ผม   ในฐานะหัวหน้าคณะ   และนักมวยที่มีการชกสถิติที่ดีมาตลอด   ในวันนั้นจะกำหนดน้ำหนักเดิมไว้ 130 แต่สุดท้าย ตีโต้ทำน้ำหนักไม่ได้ ผมก็ยอมให้

ชกแบบน้ำหนักปล่อยก็ยอมชกเพื่อไม่ให้โปรโมเตอร์เสียรายการกุศล  การชก ต้องเผชิญกับกองเชียร์จำนวนมากเข้าเชียร์ที่ตีโต้ฯ ฝ่ายแดง   เนื่องจากเป็นนักชกเจ้าถิ่นจังหวัดโคราช ด้วยกัน  ซึ่งสร้างความกดดันแต่นักมวยเบิกบานฯ แต่ก็ไม่ย่อท้อ นักมวยก็มุ่งมั่นในการชกขยันออกอาวุธได้จะแจ้งตามสายตา  กลับถูกกรรมการอยุติธรรมร่วมกันตัดสินค้านสายตาดังกล่าว     และหลังจากนั้น ข้าฯ ก็ขอคำชี้แจง จากหัวหน้ากรรมการชุดนี้ คือกรรมการ  ธ. เพื่อขอตรวจสอบใบให้คะแนน       แต่ได้เพียงใบคะแนนของกรรมการผู้ตัดสินเพียง   2 คน คือ  กรรมการ พ .  และ กรรมการ อ.    ส่วนใบคะแนนของกรรมการอีกท่านหนึ่งคือ กรรมการ น. นั้น อ้างว่าหาย    ซึ่งเป็นข้อพิรุธ และทำให้ผม แคลงใจเป็นอย่างยิ่งในการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการทั้ง 5 คน

ดังนั้น ผม ในฐานะหัวหน้าค่ายมวย “อั๋น สุขุมวิท” ซึ่งไม่ได้รับความเป็นธรรม และเสียหายเป็นอย่างยิ่ง  จึงขอร้องเรียนกรรมการทั้ง 5 คน ประกอบด้วย กรรมการให้คะแนน  คือ   .1)กรรมการ พ.  2) กรรมการ อ. ที่ ให้คะแนนฝ่ายแดงชนะ 3) กรรมการ น. (ใบคะแนนหาย) และ 4) กรรมการ จ. กรรมการผู้ห้ามบนเวที รวมทั้ง 5) กรรมการ ธ.     หัวหน้ากรรมการ เพื่อสอบให้ความเป็นธรรมต่อผม  หากท่านต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อขอทราบรายละเอียดแล้ว ผม ยินดีไปพบเพื่อให้ข้อมูลต่อ

นี่คือข้อความเนื้อหาตามหนังสือร้องเรียนให้สอบกรรมการทั้ง 5 คน ที่ทำหน้าที่ในวันนั้น  ปัญหากรรมการ กับหัวหน้าค่าย และคนมวยมักจะเกิดขึ้นเสมอ    เมื่อมีการทำหนังสือร้องเรียนขึ้น ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบก็ต้องทำหน้าที่เรียกพยานบุคคลและเอกสารมาประกอบการพิจารณาต่อไป   เดิมทีก่อนหน้านี้เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นเฉกนี้ ทางออก ถ้าเป็นกรรมการของสนามมวยชุดไหน ก็ให้ยื่นต่อนายสนามมวย หรือ หัวหน้าชุดกรรมการ หากตัดสินให้ความเป็นธรรมต่อผู้ร้อง เขาพอใจก็หยุดเรื่องไว้เท่านี้ แต่ในกรณียื่นแล้วไม่พอใจ หรือไม่ยื่นต่อนายสนามหรือหัวหน้ากรรมการโดยตรง ก็อาจยื่นต่อ สำนักงานกีฬามวย รับเรื่องไว้แล้ว จะส่งต่อ     “คณะอนุกรรมการควบคุมการปฏิบัติหน้าที่ผู้ตัดสินกีฬามวย”    ซึ่งเดิมมี นายสมชาติ เจริญวัชรวิทย์  เป็นประธานครณกรรมการฯ ชุดนี้ พร้อมตั้งอนุกรรมการฯ     เพื่อร่วมตรวจสอบให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย   แต่เมื่อต้นปี 63 ที่ผ่านมา เหตุผลกลใดไม่ทราบกลับยกเลิกกรรมการชุดนี้ออกหน้าตาเฉย  ทำให้เกิดเกียรว่างในทันที เพราะเมื่อมีปัญหาเรื่องการทำหน้าที่ของกรรมการ แล้วใครจะตรวจสอบได้ เช่น กรณีกรรมการพิสุทธิ์ ยิ่งอุปการ ไล่ อภิวัฒน์ ลง แต่อ ผอ.มวย แจ้งเรื่องเอง สอบสวนเอง ใช้เวลา 2 ชั่วโมง และตัดสิลงโทษพักหน้าที่ 3 เดือน โดยให้อภิวัฒน์ พ้นมลทินไป เรียกว่า ชงเอง กินเอง      แต่ท่าน รมต พิพัฒน์ รัชกิจประการ ประธานบอรด์มวยทราบเรื่อง จึงให้นำเข้า   อนุกรรมการฝ่ายกฎหมาย  ที่ตั้งขึ้นพิจารณาใหม่

ผมว่าถึงเวลาแล้ว ที่ สคม.  ต้องเดินหน้าตั้งอนุกรรมการชุดเดิมขึ้นใหม่อีกครั้ง ต้องโปร่งใสครับ

หากปล่อยเช่นนี้ผมว่า เขาคงหาทางออกกันเอง ภาพวงการมวยออกมาจะไม่สวยครับ ?